นับว่าเป็นยุคทองของวงการสิ่งพิมพ์เลยก็ว่าได้ ทุกวันนี้ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของทั้งผู้บภิโภคและผู้ผลิต มีจุดที่คุ้มค่าทั้งสองฝ่าย
หากถามว่าวิธีพิมพ์แบบไหนจึงเหมาะกับงานที่ต้องการ ตอบได้เต็มตัวเลยว่ายุคนี้สีสันความทันสมัยมีบทบาทต่อการตัดสินใจของลูกค้ามาก ซึ่งก็เช่นกัน ไม่ว่าจะงานจำนวนน้อยอย่างการทำนามบัตรจำนวน 200 ใบต่อครั้ง ทางโรงพิมพ์ก็จะมีเครื่องดิจิตอลพริ้นติ้งรอรับงานประเภทนี้ นับว่ามีความรวดเร็วมาก จึงควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อาจมีราคาแค่แผ่นละ 2.00 บาท (ไม่มีค่าเพลท ค่าฟิล์มใดๆ เพิ่มเติ่มเลย) เห็นความแตกต่างไหมคะ ทุกวันนี้เราสามารถเข้าสั่งงานที่โรงพิมพ์ด้วยงบประมาณแค่ 400 บาทได้ ซึ่งเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้แน่
หากจะให้เข้าใจง่ายๆ คือ งานพิมพ์ที่ต้องการเพียงแค่สีดำจำนวนไม่เกิน 200 ชุด เราก็สามารถถ่ายเอกสารได้เลย เพียงแต่มีขีดจำกัดที่กระดาษในการพิมพ์งาน ความหนาไม่เกิน 100 แกรม และขนาดสูงสุดไม่เกิน 13″x 18″ แล้วแต่เครื่องที่ทางร้านเอกสารมีรองรับ
งานพิมพ์ระบบออฟเซ็ทจะเหมาะสมกับงานที่ต้องการความละเอียดสูง งานที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้สัมผัสได้อย่างแตกต่าง เช่น งานพิมพ์สี่สีย่อมแตกต่างจากงานถ่ายเอกสารขาว-ดำแน่นอน แต่ในความแตกต่างกับพบว่ามีต้นทุนที่ถูกยิ่งกว่าอีก เช่นงานถ่ายเอกสารขนาด A3จะมีราคาที่หน้าละ 3 บาท ถ่ายสองหน้าเท่ากับ 6 บาท งานพิมพ์ออฟเซ็ทสามารถพิมพ์งานให้ถูกกว่านั้นแน่นอนอาจราคาตกถึงหน้าละ 1.5 บาท ทั้งๆ ที่มีสีพิมพ์ขึ้นมาเป็นงานพิมพ์สี่สี ด้วยเพราะงานโรงพิมพ์สามารถพิมพ์งานต่อครั้งได้ขนาด A3 ถึง 4 แผ่นในครั้งเดียว โอกาสหน้าจะมาเขียนบทความเกี่ยวกับความพิเศษของงานพิมพ์ระบบออฟเซ็ทโปรดติดตาม 


ต้องการปรึกษาเรื่องงานพิมพ์ งานป้าย งานสติ๊กเกอร์ ทั้งแบบป้ายฟิวเจอร์บอร์ด ป้ายไวนิล ฉลากสินค้าแบบไดคัทสติ๊กเกอร์  ป้าย X-Stand , ป้าย Roll-up สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยครับ

petadesign qrcode